รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ลงชายแดนสตูล ดันการพัฒนาด่านชายแดน เตรียมนำเข้า ครม.สัญจรที่ระนองพรุ่งนี้ ด้าน เสียงสะท้อนพ่อค้าแม้ค้าในชายแดนลั่น หวังพึ่งรัฐบาลชุดนี้ต่อยอดการพัฒนาด่านดีกว่าเดิมสร้างฐานเศษฐ์กิจปากท้องของชาวบ้านชายขอบดีขึ้น
วันที่ 22 มกราคม 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล รองนายก ฯ “สมศักดิ์” ในฐานะประธาน กพต. ลงพื้นที่จังหวัดสตูล ขับเคลื่อนนโยบายเมืองคู่แฝด ไทย-มาเลเซีย พร้อมดันด่านวังประจันสู่ด่านอัจฉริยะ ยกระดับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยวันนี้ที่ลานเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว สนามกีฬากลางอำเภอควนโดน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจราชการ และเข้าร่วมการประชุมการขับเคลื่อนงานตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้ ในพื้นที่จังหวัดสตูล โดยมีนายชาตรี ณ ถลาง รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล และหัวหน้าส่วนราชการ ให้การต้อนรับ
จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังห้องประชุมอุทยานแห่งชาติทะเลบัน ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เพื่อเป็นประธานการประชุมร่วมกับส่วนราชการในพื้นที่ ในประเด็นการพัฒนาศักยภาพของด่านการค้าชายแดนวังประจัน ติดตามนโยบาย ทวิน-ซิตี้ รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติทะเลบัน โดยมี ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ และผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม
โดยแนวทางการยกระดับทวิน-ซิตี้ ชายแดนไทย-มาเลเซีย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในฐานะ ประธาน กพต. ได้เห็นชอบกรอบแนวทางการยกระดับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยกับรัฐติดชายแดน ไทย-มาเลเซีย สู่การเป็นเมืองคู่แฝด เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา พร้อมกับวางแนวทางเพื่อความร่วมมือการพัฒนารัฐติดชายแดนไทย – มาเลเซีย ในทุกมิติ โดยเฉพาะการค้าขายการลงทุน การท่องเที่ยว โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมฮาลาล รวมไปถึงการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เทคโนโลยี การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และอื่นๆ ตั้งเป้าให้ประชาชนในพื้นที่ จชต. มีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนำไปสู่การลดปัญหาและผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ เกิดความร่วมมือ สร้างเครือข่ายระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างรัฐติดชายแดน โดยจังหวัดปัตตานี และ จังหวัดสงขลา และ 5 รัฐ ตอนเหนือของมาเลเซีย ที่จะมีการผลักดันสู่การเป็นเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโกด้านอาหาร, เปิดสถานบันเทิงครบวงจรหาดใหญ่-สงขลา ร่วมกับ 5 รัฐตอนเหนือของมาเลเซีย พร้อมจัดแสดงสินค้าและบริการ เพื่อเชื่อมสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ กิจกรรมที่น่าสนใจอาทิเช่น กิจกรรมท่องเที่ยวขับขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ กิจกรรมวิ่งเทรลที่เบตง กิจกรรมแข่งขันตกปลาที่สตูล กิจกรรม OTOP 2 แผ่นดิน และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เป็นต้น
จากนั้นในช่วงบ่ายภายหลังการประชุม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังด่านชายแดนวังประจัน พื้นที่อำเภอควนโดน เพื่อตรวจติดตามการพัฒนาพื้นที่บริเวณด่านให้เป็นด่านอัจฉริยะ (smart boarder) ยกระดับการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพ รองรับการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เชื่อมโยงการท่องเที่ยว ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
สำหรับด่านชายแดนวังประจัน หรือ ศูนย์ราชการด่านวังประจัน สร้างตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2524 ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทะเลบัน มีเนื้อที่ประมาณ 49 ไร่ สร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2529 ซึ่งขณะนั้นมีส่วนราชการเข้าไปปฏิบัติงานในศูนย์ราชการ 3 หน่วยงาน คือ ด่านศุลกากรวังประจัน สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอำเภอควนโดน และสถานีกักกันพืช จากนั้นได้มีการปรับปรุงที่สำคัญ 2 ครั้ง คือ การขยายอาคารด่านพรมแดนฯ เมื่อปี พ.ศ. 2560 โดยงบพัฒนาจังหวัดสตูล จำนวน 7 ล้านบาท และการปรับปรุงอาคารบ้านพักอาศัยเดิมจำนวน 12 ยูนิต โดยงบสนับสนุนภารกิจกรมศุลกากร จำนวน 6 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2565 ปัจจุบันพื้นที่ตั้งด่านศุลกากร และอาคารด่านพรมแดนฯ มีสภาพคับแคบประกอบกับสภาพอาคารต่าง ๆ มีสภาพทรุดโทรมเป็นผลให้การบริการในการขนถ่ายสินค้า และการบริการช่องทางรถส่วนบุคคล รถโดยสาร และรถสินค้า ไม่เพียงพอต่อปริมาณรถและการค้าที่เพิ่มขึ้น ดังนั้น จังหวัดสตูลได้ร่วมมือกับด่านศุลกากรวังประจัน และสำนักโยธาธิการและผังเมืองผลักดันโครงการพัฒนาด่านฯ ตามโครงการ Smart Border เพื่อรองรับการขยายตัวของนักท่องเที่ยว และการเติบโตด้านการค้า และการเติบโตการค้าของจังหวัดสตูล และเป็นการรองรับการสนองตอบโครงการไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล ต่อไป
ขณะที่เสียงสะท้อนของกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าขายคลองในพื้นที่ชายแดนวังประจัน ทั้ง 3 ท่าน บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ชายแดนวังประจัน ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย มองถึงว่าเป็นด่นชายแดนเหมาะแก่การท่องเที่ยว นับจากหลังสถนการณ์โควิด – 19 คลี่คลายลงมา เรื่องด้านเศษฐกิจการค้าขายชายแดน นับยังอยู่ในสภาวะเงียบไม่ฟื้นตัวดีเหมือนที่ไม่มีโรคโควิดระบาด จริงแล้วด่านชายแดนควรจะพัฒนาให้ดีขึ้น เสริมการท่องเที่ยวมากขึ้น จัดระบบให้ดี มองว่า ชายแดนจะคึกคัก
และในวันนี้ระดับรองนายกรัฐมนตรีฯ ลงมาเอง อาจจะเป็นสัญญาณที่ดี ว่า ชายแดนวังประจันแห่งนี้ ถูกยกปรับระดับให้ดีขึ้น สร้างด่านที่มีความพร้อม ก็ต้องสร้างรากฐานเศษฐกิจดีขึ้นด้วย หวังว่าการลงมาในครั้งนี้จะถูกหยิบเข้าครม.สัญจรไปสู่การลงพัฒนาฝนเร็ววัน อย่ามา แล้วประชุม และพับโครงการๆต่างๆเก็บก็จะเสี่ยเวลาในการลงมาเดินทางดูงานถึงที่ ฝากรัฐบาลชุดนี้ด้วย
เอนก ขันทสิกรรม จ.สตูลรายงาน