นครพนม-ลมพัดตึ้งริมโขงหนาวสะท้าน อุณหภูมิลดต่ำสุดในอีสาน ทม.เร่งปรับปรุงสถานที่รับ Countdown 2024 ชวน ปชช.ร่วมเป็นเจ้าบ้านที่ดี 
สถานีอุตุนิยมวิทยานครพนม ได้รายงานสภาวะอากาศประจำวันที่ 21 ธันวาคม 2566 ว่า มีอากาศหนาวและมีลมแรง โดยเฉพาะริมแม่น้ำโขง อุณหภูมิช่วงเช้ามืดวัดได้ 11 องศาเซลเซียล ส่วนที่สถานีอากาศเกษตร ต.ขามเฒ่า อ.เมืองนครพนม เวลา 10.00 น. วัดได้ 13 องศาเซลเซียล และยังเป็นอุณหภูมิที่ต่ำสุดของภาคอีสาน อีกทั้งได้คาดการณ์ว่าในวันพรุ่งนี้ (22 ธค.) อุณหภูมิจะลดลงอีกประมาณ 2-3 องศาเซลเซียล
ซึ่งในส่วนของพื้นที่เทศบาลเมืองนครพนม ริมแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร พบว่าผู้อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว นอกจากต้องเผชิญอากาศหนาวแล้ว ยังมีลมกระโชกแรงเป็นระยะๆ แม้สวมเสื้อหนาๆสร้างความอบอุ่นแก่ร่างกายหลายชั้น ยังสั่นสะท้านจากสายลมที่พัดกระทบกาย
ในขณะเดียวกัน จ.นครพนม เตรียมจัดกิจกรรมส่งเสริม เทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ Nakhonphanom Winter Festival 2567 ตอนลมหนาว ชมโขง ระหว่างวันที่ 25 ธค.66-2 มค.67 เพื่อเป็นการยกระดับให้มีความโดดเด่นน่าสนใจ และกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว ได้เดินทางเข้าพื้นที่ จ.นครพนมมากยิ่งขึ้น โดยมีเวทีกลางอยู่ที่หอนาฬิกาเวียดนามอนุสรณ์ ถนนสุนทรวิจิตร อีกทั้งประดับประดาดวงไฟหลากสี จุดเช็คอินต่างๆ เช่น โบสถ์นักบุญอันนา จวนผู้ว่าฯหลังเก่า ลานพญาศรีสัตตนาคราช ฯลฯ ที่ขาดไม่ได้คืออุโมงค์ไฟที่ยาวเกือบ 500 เมตร บนทางไบค์เลนริมแม่น้ำโขง
ดังนั้น เทศบาลเมืองนครพนม จึงระดมเจ้าหน้าที่กองช่าง ตบแต่ง แก้ไข ดวงไฟ รวมทั้งทำความสะอาดพื้นถนน โดยเฉพาะทางม้าลาย หรือบริเวณขอบทาง ไหล่ทางที่มีสีขาวให้เกิดความสวยงาม เตรียมรับทัพนักท่องเที่ยว ที่จะมาโต้ลมหนาวเคาท์ดาวน์รับปีใหม่ 2567 (Countdown 2024) และขอความร่วมมือร้านค้า บ้านเรือนประชาชน ที่อยู่บริเวณถนนสุนทรวิจิตร ประดับดวงไฟเพิ่มความสวยงาม ถือเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอบอุ่น
ทั้งนี้ จ.นครพนม ซึ่งเป็นจังหวัดพื้นที่ราบ โดยมีพรมแดนติดประเทศลาว ที่มีอากาศหนาวถึงหนาวจัดสุดในประเทศไทย จากสถิติในรอบ 67 ปี พบว่าปี 2498 เคยมีอุณหภูมิต่ำสุดที่ 1.8 องศาเซลเซียล ซึ่งอยู่ในเกณฑ์หนาวจัด แต่ถัดมาอีก 44 ปี ในเดือนธันวาคม 2542 นครพนมกลับมีอุณหภูมิต่ำสุด โดยวัดได้ที่ 1.7 องศาเซลเซียล ทุบสถิติปี 2498 กระเจิง ปัจจัยสำคัญที่ทำให้นครพนมเป็นเมืองหนาวที่สุดในพื้นราบ มาจากคลื่นความหนาวจากประเทศจีน แผ่ปกคลุมเข้ามาทางประเทศเวียดนาม ผ่านแขวงคำม่วน ประเทศลาว และเข้าสู่นครพนมซึ่งเหมือนเป็นประตูรับมรสุมด่านแรก ฉะนั้นในทุกปีนครพนมจึงติดอันดับท็อปเทนของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเหมันต์ (หนาว) คิมหันต์ (ร้อน) และ วัสสานะหรือวสันต์ฤดู (ฝน) โดยฤดูฝนมีฝนตกเป็นอันดับ 2 ของประเทศ รองจาก จ.ระนอง
ในช่วงฤดูหนาว สำนักงานสาธารณจังหวัดนครพนม (สสจ.ฯ) ได้แจ้งเตือนประชาชนหลีกเลี่ยง 3 พฤติกรรม ที่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพถึงขั้นเสียชีวิต คือไม่ดื่มสุราแก้หนาว เพราะนอกจากไม่ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกายแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นได้ อีกทั้งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ร่างกายร้อนวูบวาบ และสูญเสียความร้อนเร็วขึ้น รวมถึงกดประสาทส่วนกลาง ทำให้ง่วงซึมและหมดสติโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ต้องไม่นอนในที่โล่งแจ้งโดยไม่มีสิ่งปกคลุมร่างกาย
โดยเฉพาะคนเมาสุราที่มักเผลอหลับหรือหมดสติ โดยไม่สวมใส่เสื้อผ้าหรือสวมเสื้อผ้าบางๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น เพราะการปล่อยให้ร่างกายสัมผัสกับอากาศเย็นเป็นเวลานาน จะทำให้เส้นเลือดหดตัว การไหลเวียนของโลหิตช้าลง ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน และหัวใจทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกาย ส่งผลให้เกิดอาการช็อคจนเสียชีวิต
//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม (061-2838566)
