ชาวบ้านทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัยแจ้งจับอดีตนักการเมืองท้องถิ่น เบี้ยวเงินออมทรัพย์ 10 ล้านบาท (มีคลิบวิดิโอ)

เวลา10.00น. วันที่19 ก.ย.65 ตัวแทนชาวบ้านตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์  อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย กว่า50คน รวมตัวกันที่ สภ.ทุ่งเสลี่ยม เพื่อเรียกร้องขอเงินออมจากคณะกรรมการกลุ่มออมทรัพย์บ้านเขาแก้วศรีสมบูรณ์ มูลค่าเกือบ 10 ล้านบาท หลังจากนำเงินมาฝากใว้ กว่า 14 ปี  น.ส.ศิริวรรณ ภูมินานอก อายุ 36 ปี 1 ในผู้เสียหายและชาวบ้าน ร่วมกันให้ข้อมูลว่า กองทุนดังกล่าวก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณปี 2542 โดยแนวคิดจากเจ้าหน้าที่ธนาคารรัฐแห่งหนึ่ง ที่แนะนำให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันออมเงิน เพื่อใว้ใช้หมุนเวียนกันในชุมชน

ต่อมาผู้นำชุมชนจึงก่อตั้งกองทุนขึ้น โดยให้ชาวบ้านสมัครเป็นสมาชิก และ ออมเงินเดือนละ 30 บาท ซึ่งการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่มีปัญหาใดๆ มีชาวบ้านนำเงินมาฝาก – ถอน รวมถึงกู้ไปประกอบอาชีพ และมีเงินปันผลรายปีให้สมาชิก เรื่อยมา จนมีสมาชิก ถึง 400 กว่าคน จาก 8 หมู่บ้านของตำบลเขาแก้วศรีสมบูรณ์

ต่อมา นาง เยาว์ นามสมมุติ เข้ามาเป็นประธานกองทุน โดยมีกรรมการรวม 6 คน  บริหารงานได้ระยะหนึ่งมีการเปลี่ยนเงื่อนไขใหม่ โดยให้สมาชิกนำเงินมาฝากโดยไม่จำกัดจำนวน โดยมีปันผลให้ 8 %  จึงมีเงินฝากเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ต่อมาปี 63-64 สถาณการณ์โควิด-19ระบาด สมาชิกนำเงินมาฝากน้อยลง ประกอบกับบางคนเริ่มได้กลิ่นไม่ดี จึงถอนเงินต้นออก

กระทั่งถึงกำหนดจ่ายปันผล  เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กลับไม่ได้รับเงิน และมารู้ว่าที่ผ่านมา ใช้เงินต้นที่สมาชิกนำไปฝาก มาจ่ายเป็นเงินปันผล ประกอบกับสมาชิกต้องการจะใช้เงินในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี แต่กลับไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ เมื่อสอบถามก็บ่ายเบี่ยงโยนกันไปมาในหมู่กรรมการ จนกระทั่งมีการเรียกร้องให้ชี้แจงจึงทราบว่า เงินออมของสมาชิก ณ.วันที่ 10 ก.ค.65  มีอยู่ 10,562,576 บาท มีสมาชิกกู้ไป 10 คน เป็นเงิน ที่จะต้องคืนพร้อมดอกเบี้ย จำนวน 316,719บาท

นาง นาง เยาว์ นามสมมุติ และกรรมการรวม4 คน กู้ไปโดยไม่เสียดอกเบี้ย จำนวน1,887,000 บาท ทั้งหมดยังไม่มีการส่งคืน ซึ่งบวกลบคูณหารแล้ว เงินหายไป 8,358,857 บาท เหลือติดบัญชีเพียง 420 บาทเท่านั้น เมื่อสอบถามก็ไม่มีคำตอบ

จึงลงบันทึกประจำวันใว้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค.65 และเจ้าหน้าที่ตำรวจนัด กรรมการมาชี้แจงในวันที่ 18 ก.ย. วานนี้แต่มีการเลื่อนมาเป็นวันนี้ ต่อมา11.00น. ชาวบ้านทั้งหมดเข้าฟังคำชี้แจงของนางนงเยาว์ ภายในห้องประชุม ซึ่งนางนงเยาว์ไม่สามารถชี้แจงได้ และไม่มีเงินมาคืนให้กับชาวบ้าน จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นางส่วน สลีวงศ์ อายุ 76 ปี เผยว่าเริ่มฝากเงินกับกองทุนเมื่อปี 2552 รวมเป็นเงิน 330,100 บาท อยากจะได้เงินคืนจะเอาใว้รักษาตัว  เพราะตอนนี้สุขภาพไม่ค่อยดี  ต่อมาผู้สื่อข่าวสอบถามข้อเท็จจริงจากนาง เยาว์  นามสมมุติ ซึ่งกล่าวสั้นๆว่า อยู่ที่กระบวนการ จากนั้นรีบขึ้นรถกลับทันที

Related posts