เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 ก.ย. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศาลารัตนาประชานุเคราะห์ บ้านฮ่อง ต.บ้านเอื้อม อ.เมืองลำปาง ได้มีชาวบ้านจาก 5 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านสบเฟือง หมู่ 2 บ้านสัก หมู่ 3 บ้านห้วยลึก หมู่ 4 บ้านฮ่อง หมู่ 8 บ้านปง หมู่ 11 ต.บ้านเอื้อม อ.เมืองลำปาง จำนวนกว่า 100 ราย รวมตัวประท้วงไม่เอาท่าทราย พร้อมเขียนป้ายผ้า การดูดทรายทำให้ตลิ่งพัง ชาวบ้านฮ่อง ไม่เอาท่าทราย ชาวบ้านปง ขอต่อต้านการดูดทราย ชาวบ้านสบเฟื่อง คัดค้านการดูดทราย หยุดทำลายแม่น้ำตุ๋ยของเรา ทั้งนี้เนื่องที่ผ่านมามีฝนตกหนัก ทำให้หมู่บ้านดังกล่าวได้รับผลกระทบถนนในหมู่บ้านเสียหาย ตลิ่งพัง พื้นที่กาเกษตรเสียหาย ส่วนหนึ่งชาวบ้านเชื่อว่าการทำท่าทราย ที่ทางท่าทรายขุดลึกเกินขนาดจึงได้รวมตัวประท้วง ให้ยกเลิกการสัมปทานท่าทราย
ต่อมา กอ.รมน.จว.ลำปาง พร้อมด้วย กรมเจ้าท่า ภูมิภาค สาขาเชียงใหม่, ตัวแทนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดลำปาง และหน่วยงาน อปท. ในพื้นที่ ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการขุดทราย ของสำนักงานเอกชน ในที่ดินสาธารณะ ลำน้ำแม่ตุ๋ย ในพื้นที่ บ้านสบเฟือง บ้านฮ่อง บ้านปง ต.บ้านเอื้อม อ.เมืองลำปาง ที่ชาวบ้าน ได้รับผลกระทบ ถูกน้ำกัดเซาะจากแม่น้ำตุ๋ย ไหลหลากจนทำให้หลักเขตจากที่ดินหรือแนวเขตเดิมไม่สามารถกำหนดรู้ตำแหน่งและแนวเขตที่ชัดเจนและพื้นที่สาธารณะประโยชน์ได้รับความเสียหาย
หลังจากลงพื้นที่ เจ้าหน้าที่ เจ้าของบริษัท ผญบ.บ้านสบเฟือง บ้านสัก และบ้านฮ่องและ อบต.บ้านเอื้อม ได้มีการประชุมสรุปผลกระทบจากกรณีดังกล่าว ณ ห้องประชุม อบต.บ้านเอื้อม โดยพบว่าพื้นที่สาธารณะ อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทยเลขที่ 23801 มีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ถูกแม่น้ำตุ๋ย เซาะสูญหายไปจำนวนมาก โดยมีการลุกล้ำพื้นที่สาธารณะ นำรถแบคโฮเข้ามาขุดดินทรายในแม่น้ำตุ๋ย ขึ้นมาทำคันดินริมแม่น้ำตุ๋ยฝั่งตะวันตก เมื่อเดือน ส.ค. 65 เมื่อห้วงปี 63 โดยลำน้ำได้เซาะผิวดินด้านบนพังทลาย อันเนืองจากการขุดดินทรายของบริษัท ต่อมา ประมาณเดือน ส.ค. 65 ได้เกิดอุทกภัย ลำน้ำได้เซาะแนวคันดินหายไปไม่เหลือเนื้อที่ดินเดิม ผู้แทน อบต.บ้านเอื้อม จากการตรวจสอบพบมีร่องรอยการขุดดินภายในลำน้ำแม่น้ำตุ๋ยตามแนวคันดินและ ผู้แทน กรมเจ้าท่า ภูมิภาค สาขาเชียงใหม่ ได้ชี้แจงว่ามีร่องรอยการขุดดินทรายภายในลำน้ำแม่น้ำตุ๋ย
ภายหลังจากการให้ข้อมูลแก่ จนท. กรมเจ้าท่า ผญบ. ในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน ได้ร่วมลงนามในบันทึก โดยบันทึก กรมเจ้าท่า จะได้นำไปประกอบหลักฐาน การแจ้งความดำเนินคดี กับผู้ประกอบการและส่วนที่เกี่ยวข้อง และภายในสัปดาห์หน้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะมีการลงพื้นที่สำรวจผลกระทบและความเสียหาย อีกครั้ง.