พิจิตร-คนเลี้ยงควายเมืองชาละวันโอดครวญข้าวราคาตกต่ำ

คนเลี้ยงควายเมืองชาละวันโอดครวญข้าวราคาตกต่ำเลี้ยงควายก็ขายไม่ได้ราคาแม้แต่ขี้ควายที่ใช้ทำปุ๋ยก็ยังขายไม่ออก
“เกษตรผลิตพาณิชย์ขาย”ที่พิจิตรเมืองชาละวัน นอกจากราคาข้าวตกต่ำแล้วเกษตรกคนเลี้ยงควายก็ยังโอดครวญเลี้ยงได้แต่ขายไม่ออก ถึงขายได้ก็ราคาตกต่ำหายไปกว่าครึ่ง ในอดีตขี้ควายที่ใช้ทำปุ๋ย ชาวนาชาวสวนเกษตรอินทรีย์เคยจองคิวแย่งซื้อแต่วันนี้ทุกอย่างกลับขายไม่ได้ วอนภาครัฐช่วยด้วย
 
 วันที่ 25  มีนาคม 2568 นายอมร  มีกรรมปัง อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 12 ต.บ้านนา อ.วชิรบารมี จ.พิจิตร เกษตรกรที่ทำฟาร์มปศุสัตว์เลี้ยงควายเป็นอาชีพ จำนวน 150 ตัว เปิดเผยชีวิตสุดลำเค็ญของอาชีพเกษตกรที่ขณะนี้ประสบปัญหานอกจากราคาข้าวที่ตกต่ำแล้ว อาชีพคนเลี้ยงควายก็ยังพลอยได้รับผลกระทบตามมาด้วยเช่นกัน โดย นายอมร คนเลี้ยงควายเปิดใจเล่าว่าสถานการณ์การซื้อขายโค-กระบือ ราคาตกต่ำมาตั้งแต่เมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด จึงทำให้ตลาดค้าขายโค-กระบือต้องซบเซา แต่ก็ยังไม่แย่ หรือตกต่ำเท่ากับในช่วงนี้ โดยราคาการซื้อขาย โค-กระบือ ซึ่งแต่เดิมควายตัวใหญ่ๆน้ำหนักประมาณ 200 กก. ก็จะขายได้ตัวละ 3-4 หมื่นบาท เป็นอย่างต่ำ แต่ปัจจุบันนี้ราคาซื้อขายโค-กระบือ ลดลงเกือบ 50% เหลือแค่ตัวละประมาณ 15,000 บาทเท่านั้น แถมยังหาคนซื้อได้ยาก เนื่องจากในพื้นที่จังหวัดพิจิตรไม่มีตลาดนัด โค-กระบือ ถ้าต้องการขายควายก็ต้องผ่านนายหน้าพ่อค้าคนกลางมาจับควายไปขายที่ตลาดนัดโคกระบือแถวจังหวัดพิษณุโลก,อุตรดิตถ์,เพชรบูรณ์,อุทัยธานี ทั้งๆที่ในพื้นที่จังหวัดพิจิตรโดยเฉพาะที่ อ.วชิรบารมี มีเกษตรกรทำอาชีพเลี้ยงควายหลายพันตัวด้วยซ้ำ จึงอยากวิงวอนถึงส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่บอกว่า “เกษตรผลิตพาณิชย์ขาย” ช่วยหาทางช่วยพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ด้วย
  
นายอมร คนเลี้ยงควาย ระบายความทุกข์ความเดือดร้อน เหตุจากราคาซื้อ-ขาย โคกระบือตกต่ำ จึงทำให้ต้องทนเลี้ยงเพื่อรอราคา โดยได้อาศัยขายขี้ควายให้กับผู้ที่ทำสวนไม้ผลในพิจิตรและผู้ที่ทำสวนทุเรียนอยู่ต่างจังหวัด ในอดีตต้องจองคิวล่วงหน้าเพื่อแย่งกันซื้อขี้ควาย ต่างก็จะมาขอซื้อขี้ควายตากแห้งไปทำเป็นปุ๋ยคอกในการทำเกษตรกรอินทรีย์ ซึ่งก็พอมีรายได้เป็นค่ากับข้าว เป็นค่าน้ำค่าไฟ ค่าวัคซีนในการดูแลฝูงควายที่เลี้ยงไว้ 150 ตัว
 โดยตนเองจะขายปุ๋ยขี้ควายที่ตากแห้งอย่างน้อย 3 วัน บรรจุใส่ถุงปุ๋ยน้ำหนักประมาณ 20-25 กก./ถุง ในราคาแค่เพียงถุงละ 19 บาท  โดยผู้ซื้อมาขอซื้อถึงที่ แต่ในช่วงระยะหลังคือตั้งแต่เดือน ก.พ.- มี.ค. 68 ปุ๋ยอินทรีย์จากขี้ควายกลับขายไม่ได้เลย จึงทำให้ไม่มีรายได้ แต่ยังต้องมีภาระในการดูแลฝูงควายทั้ง 150 ตัว จึงอยากประกาศขอเชิญชวนผู้ที่ทำการเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรปลอดสารพิษ ว่า ถ้ามีความประสงค์อยากซื้อปุ๋ยอินทรีย์จากขี้ควายสามารถมาขอซื้อได้เลยมีเป็นจำนวนมากเพราะในกลุ่มหมู่บ้านเดียวกันนี้มีเกษตรกรผู้เลี้ยงควายหลายรายที่ประสบปัญหาควายราคาตกต่ำปุ๋ยอินทรีย์จากขี้ควายขายไม่ออกเช่นเดียวกัน สนใจโทร นายอมร 089-3474802 
                                                                                        สิทธิพจน์ เกบุ้ย/พิจิตร/

Related posts