นราธิวาส-ระดมจิตอาสารื้อซากคาร์บอมบ์

ระดมจิตอาสารื้อซากคาร์บอมบ์ ศุลกากรเผยนักท่องเที่ยวลดฮวบหลังมาเลย์เตือน ผู้ประกอบการแนะเร่งสร้างความสัมพันธ์เพื่อนบ้านเศรษฐกิจจะฟื้นเร็ว

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 มี.ค.68 นายซูปียัน แดเมาะเล็ง นายอำเภอสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์จิตอาสา อ.สุไหงโก-ลก ได้ระดมจิตอาสาจากส่วนราชการภาคเอกชนและเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจ จำนวนกว่า 400 คน พร้อมขอสนับสนุนเครื่องจักรกล อาทิ รถ เจ.ซี.บี. รถบรรทุก 6 ล้อและรถยนต์กระบะ จาก นางสุขาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก กระจายกำลังกันเก็บกวาดรื้อซากปรักหักพังสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆภายในสำนักงาน รวมทั้งเศษซากของตัวอาคารหอประชุมและซากชิ้นส่วนของรถยนต์เก๋งคาร์บอมบ์ ที่กระจัดกระจายโดยรอบทุกจุดทุกมุมภายในบริเวณที่ทำการ อ.สุไหงโก-ลก จากผลพวงของอนุภาพระเบิด จนปัจจุบันห้องที่ทำการส่วนราชการสังกัดต่างๆ เริ่มกลับมาสามารถให้บริการประชาชนได้บ้างแล้ว เหลือเพียงรองบประมาณให้การซ่อมแซมจากต้นสังกัดส่วนกลาง
นอกจากนี้นายไพฑูรย์ ทองประยูร นายช่างโยธาอาวุโส พร้อมด้วยนายอาทิตย์ ศรีสุวรรณ์ หัวหน้ากลุ่มงานวิชาการโยธาธิการ จ.นราธิวาส ได้เดินทางมาตรวจสอบโครงสร้างของอาคารต่างๆ ที่ได้รับความเสียหายจากอนุภาพของระเบิดคาร์บอมบ์ โดยใช้วิธีการเจาะปูนซิเมนต์คอนกรีตที่เป็นโครงสร้างเสา คาน หรือส่วนที่ต้องรับแรงมากๆ เพื่อนำไปทดสอบแรงอัดว่ามีความแข็งแรงใช้งานได้หรือไม่ แต่ดูจากสภาพภายนอกในเบื้องต้น จะต้องรื้อบริเวณส่วนที่เป็นหน้าจั่วของอาคารหอประชุม

 

   
ด้านนายไพฑูรย์ ทองประยูร นายช่างโยธาอาวุโส เปิดเผยว่า มาตรวจสอบเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของอาคารก่อนว่า ส่วนไหนที่สามารถยังใช้การได้ส่วนไหนที่จะต้องระงับการใช้งาน จากการดูในส่วนของหอประชุมส่วนมุกหน้าหรือหน้าจั่วต้องรื้นถอนออก ในส่วนโครงสร้างหลักของอาคารทั้งหมดยังสามารถใช้การได้อยู่ ที่ดูก็มีตัวอาคารที่ทำการอำเภอเสียหายหอประชุมเสียหายส่วนอื่นก็ไม่มี
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบผลกระทบที่เกิดขึ้น ที่บริเวณด่านพรมแดน อ.สุไหงโก-ลก จากเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์ภายในที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก พบว่า มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและมาเลเซีย ใช้บริการเดินทางผ่านเข้าออกข้ามแดนระหว่างรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย กับพรมแดนด้าน อ.สุไหงโก-ลก ลดน้อยลง เกือบกลายสภาพเป็นด่านพรมแดนร้าง ซึ่งปกติมีปริมาณประชาชนเดินทางเข้าออกระหว่างประเทศทั้ง 2 น้อยลงอยู่แล้วในช่วงเดือนรอมฎอน หรือ ถือศีลอด แต่หลังเกิดเหตุคาร์บอมบ์ภายในที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก กลับมีประชาชนเดินทางเข้าออกลดน้อยลงไปอีก
ด้านนายคชาชัย วิชัยดิษฐ์ ผู้อำนวยการส่วนบริการศุลกากร ด่านศุลกากรสุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า ในส่วนของเดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอน มีผู้เดินทางเข้าออกมาปริมาณลดลงตามปกติอยู่แล้ว ข้อมูลหลังจากเกิดเหตุที่ว่าการ อ.สุไหงโก-ลก ก็มีปริมาณลดลงมาอีก จากเดิมช่วงเดือนรอมฎอนสถิติช่วงนี้มีรถเข้าออก เฉลี่ยประมาณวันละกว่า 300 คัน หลังจากเกิดเหตุลอบวางระเบิดที่ อ.สุไหงโก-ลก ลดลงเหลือประมาณ 190 คันต่อวัน มีผลกระทบซึ่งทางฝั่งมาเลเซียเขาจะเตือนนักท่องเที่ยวคนของเขา ให้ระมัดระวังในการเดินทางเข้ามา


ด้านนายแสงทอง ปรีชาวุฒิเดช ผู้ประกอบการ อ.สุไหงโก-ลก เปิดเผยว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง ถือว่าเป็นเกาะดวงใจของ อ.สุไหงโก-ลก ชัดเจนเลยเป็นภาพที่ออกมาผมเชื่อว่า ทางมาเลเซียเขาต้องโหมกระพือข่าว เพื่อไม่ต้องการให้คนของเขาเข้ามา ซึ่งปกติเขาก็กีดกั้นคนของเขาเข้ามาในฝั่งไทยอยู่แล้ว ยิ่งมีเหตุการณ์วันเสาร์ที่ผ่านมา ผมสังเกตได้เห็นชัดร้านอาหารต่างๆเริ่มทยอยปิดกิจการ เพราะพวกนี้ต้นทุนเป็นวัตถุดิบสดกักตุนไม่ได้ ภาคบริการโรงแรมเราผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาเป็นระยะต้องอดทน คาดว่าเหตุการณ์ผ่านไปสักพักนึ่งขวัญกำลังใจของชาวบ้านจะค่อยๆกลับมาคิดว่าจะดีขึ้น ภาครัฐของเราพยายามสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้ง2ฝั่งให้แน่นแฟ้นมากกว่าเดิม ทั้ง 2 ฝั่งก็เป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว อยากจะให้มีความสัมพันธ์ไม่ให้ที่อื่นมีมุมมองว่าไม่ปลอดภัย ซึ่งทำให้เศรษฐกิจเราฟื้นขึ้นมาได้โดยเริ่มจากจุดนี้ก่อน ผมเชื่อว่าสถานการณ์ค่อยๆดีขึ้น เราก็เจอมาเป็นระยะๆรุนแรงกว่านี้ก็เจอมาแล้ว คือวางคาร์บอมบ์มา 3 -4 ลูก บริเวณสถานบันเทิงก็เคยเจอและคนเสียชีวิตไปก็มาก


///////////////////////////////////// 11 มีนาคม 2568

ปทิตตา หนดกระโทก ผู้สื่อข่าว นราธิวาสรายงาน Tel.0824154474

Related posts