นครพนม-พระราชทานเพลิงศพ “หมวดอี๊ด” เหยื่อทาสยาบ้าคลั่ง สุดสะเทือนใจลูกชายวัยขวบเศษยังไม่รู้พ่อตาย ตรวจสภาพจิตมือมีดแพทย์ยืนยันปกติ

Post Views: 213

วันที่ 28 ธันวาคม 2566 มีบรรยากาศที่เมรุวัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร พระอารามหลวง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม พระธรรมวชิรโสภณ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมฯ เป็นประธานสงฆ์ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลออกเมรุพระราชทานเพลิงศพ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ โกพลรัตน์ อายุ 56 ปี หรือหมวดอี๊ด รอง สวป.สภ.ธาตุพนม นายตำรวจที่เสียชีวิต จากกรณีเข้าปฏิบัติหน้าที่ระงับเหตุ ทาสยาบ้าเมาคลุ้มคลั่ง นายอานุเดช ไชยปัญญา หรือเดช อายุ 49 ปี ก่อนใช้อาวุธมีดทำร้ายร่างกายหมวดอี๊ดจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่บ้านโชคอำนวย หมู่ 9 ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา

โดยก่อนพิธีพระราชทานเพลิงศพ ได้จัดกองเกียรติยศร่วมประกอบพิธีอัญเชิญไฟพระราชทาน พร้อมพระราชทานเพลิง แสดงการไว้อาลัย ทอดปัจจัยบังสุกุล จำนวน 24 ชุด และผ้าไตรบังสุกุล จำนวน 16 ไตร และวางดอกไม้จันทน์ เพื่อไว้อาลัย โดยมี พล.ต.ต.ธวัชชัย ถุงเป้า ผบก.ภ.จว.นครพนม นำข้าราชการตำรวจพร้อม นางมยุรี โกพลรัตน์ อายุ 79 ปี แม่ผู้เสียชีวิต รวมถึง นางกนกนาฏ โกพลรัตน์ อายุ 29 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต ตลอดจนญาติพี่น้อง และตัวแทนประชาชน ในพื้นที่ ร่วมพิธีไว้อาลัย ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจ ที่สำคัญที่สร้างความสะเทือนใจมากที่สุดกับผู้ร่วมงาน รวมถึงญาติพี่น้องครอบครัว เนื่องลูกชายคนสุดท้องของหมวดอี๊ด อายุ 1 ปี 6 เดือน ยังไม่รู้ว่าพ่อเสียชีวิต ยังคงเล่นและงอแงตามประสาเด็ก

สำหรับการดูแลเยียวยาครอบครัว ผู้สูญเสียเสาหลัก เบื้องต้นมีการเสนอปูนบำเหน็จ 5 ชั้นยศ ร.ต.ท.อิสราวุฒิ โกพลรัตน์ อายุ 56 ปี ผู้เสียชีวิตในขณะปฏิบัติหน้า ได้เลื่อนยศเป็นพันตำรวจเอก (พิเศษ) รวมถึงรับเงินชดเชยเยียวยา จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม รวมเป็นเงินประมาณ 3.5 ล้านบาท และให้สิทธิลูกได้รับราชการตำรวจ เมื่อสำเร็จการศึกษาตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดเจน

นอกจากนี้มีความคืบหน้า หลังนายนายอานุเดช ไชยปัญญา หรือเดช อายุ 49 ปี ได้ถูกส่งตัวฝากขังครั้งผัดแรกต่อศาลจังหวัดนครพนม โดยไร้เงาญาติมาเยี่ยมหรือประกันตัวแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าเรือนจำได้นำตัวจำเลยเข้าแดนแรกรับ เพื่อตรวจสุขภาพ วันต่อมาได้มีจิตแพทย์เข้ามาตรวจภาวะจิตใจ ว่ามีความบกพร่องหรือไม่ ซึ่งจากการสอบถามนายอานุเดชสามารถตอบคำถามจิตแพทย์ได้เป็นอย่างดี ในเบื้องต้นลงความเห็นว่านายอานุเดชไม่ได้ป่วยเป็นจิตเวช แต่จะมีการทดสอบภาวะจิตใจ เพื่อยืนยันผลที่ชัดเจนอีกครั้ง