นครพนม-คุมตัวเฒ่า 61 ทำแผนฆ่าเฒ่า 68 พยานเผย ผตห.เป็นสามีใหม่ คนตายเป็นพี่ชายสามีเก่า ร่วมซ้อนแผนพา ตร.ตะครุบตัว

นครพนม-คุมตัวเฒ่า 61 ทำแผนฆ่าเฒ่า 68 พยานเผย ผตห.เป็นสามีใหม่ คนตายเป็นพี่ชายสามีเก่า ร่วมซ้อนแผนพา ตร.ตะครุบตัว

 วันที่ 26 ธันวาคม 2566 เวลา 13.00 น. พ.ต.ท.กวินพงศ์ ดำรงดาลัยพงศ์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม นำตัวนายสำเริง ปั้นนกเขียว อายุ 61 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ เขตทุ่งครุ กทม. ผู้ต้องหาในคดีใช้อาวุธมีดฟันและแทงนายรังสรรค์ เครือวัลย์ หรือลุงแดง อายุ 68 ปี บ้านเลขที่ 134 หมู่ 8 บ้านเทพพนม ต.บ้านผึ้ง อ.เมือง จ.นครพนม เสียชีวิตคาที่ โดยนำออกจากห้องคุมขัง สภ.เมืองนครพนม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ ซึ่งนายสำเริงนำชี้ว่าขณะที่ตนอยู่ในห้องเก็บของเพื่อหาอุปกรณ์ไปงัดกุญแจห้องชั้นบน ซึ่งเป็นบ้านเรือนบ้านยกสูง ปรากฏว่าขณะนั้นนายรังสรรค์หรือลุงแดง ได้ถกเถียงอยู่กับนางสาวศศิวิมล พฤกพัฒนาชัย หรือส้มเช้ง อายุ 57 ปี ภรรยาของตนเกี่ยวกับเรื่องที่ลุงแดงไม่ค่อยจะทำความสะอาดบ้าน และเริ่มมีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

ตนจึงตะโกนให้ทั้งสองหยุด แต่ลุงแดงกลับหันมาด่าว่าตน และถืออาวุธมีดโต้ทำทีจะเข้าทำร้าย แต่ถูก น.ส.ส้มเช้งเข้ามาห้ามก่อน ลุงแดงก็กลับมายืนที่โต๊ะท้าทายตน แล้วเข้ามาใช้เท้าถีบ ตนมีมีดบางอยู่ในมือจึงเงื้อฟันที่แขนซ้ายลุงแดงไป 2 ที ก่อนจะเสียบเข้าที่หน้าอกอีกแห่ง ลุงแดงล้มตึงเลือดพุ่งกระฉูด และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้นตนก็หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ใต้สะพานข้ามห้วย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุมากนัก เนื่องจากเป็นคนต่างถิ่นไม่รู้ว่าจะไปหลบที่ไหน ซึ่งการทำแผนใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็เสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายสำเริงกลับไปคุมขังตามเดิม เพื่อรอส่งตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดนครพนม

ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดอรัญญิกาวาส เขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพนายรังสรรค์ หรือลุงแดงผู้ตาย พบ น.ส.ส้มเช้งได้ให้รายละเอียดว่า นายสำเริงเป็นสามีใหม่ที่เพิ่งคบกันได้ประมาณ 6 เดือน โดยเจอกันในเพจหาคู่ ส่วนลุงแดงเป็นพี่ชายของอดีตสามีเก่า ที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาเกือบ 30 ปี ภายหลังสามีเก่าออกบวชตัดขาดจากโลกภายนอก ตนจึงเป็นโสดและได้ลงหาคู่ในเพจตามที่กล่าวข้างต้น โดยประกอบอาชีพขายอาหารตามสั่งอยู่ที่หน้า อบต.กุรุคุ อ.เมืองนครพนม

น.ส.ส้มเช้งเล่าต่อว่าหลังเกิดเหตุ ตัวเองเป็นคนที่แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และให้ความร่วมมือทุกอย่าง ขณะนั้นนายสำเริงสามีใหม่หลบหนีไป โดยยังไม่ทราบว่าไปที่ไหน ระหว่างที่ตำรวจสอบปากคำตนอยู่นั้น นายสำเริงก็โทรเข้ามาหาว่า ตอนนี้หลบอยู่ใต้สะพานข้ามห้วยห่างจากบ้านประมาณ 100 เมตร ตอนนี้หนาวมากอยากให้มารับไปหลบที่อื่นหน่อย ตนจึงร่วมมือกับตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ขับรถยนต์กระบะตอนเดียว ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นไมตี้เอ็กซ์ สีเทาดำ ทะเบียน บค 1388 นครพนม โดยมีตำรวจนอนหลบอยู่ในกระบะ 3 นาย อยู่ตอนหน้าอีก 1 นาย และได้นัดหมายกับนายสำเริงให้ไปยืนอยู่ที่ป้ายบ้านนามน ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดกัน พอตนขับรถมาถึงนายสำเริงก็เดินจากใต้สะพาน ตำรวจจึงจู่โจมจับตัวได้โดยละม่อม

ทั้งนี้ น.ส.ส้มเช้งเล่าด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ว่า ตนเป็นคนกลางทำตัวลำบาก ลุงแดงก็มีศักดิ์เป็นพี่ชายของสามีเก่า ขณะที่นายสำเริงก็เป็นสามีใหม่ ยอมรับว่าเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สาเหตุที่ทะเลาะกันก็เพราะต่างคนต่างแรงใส่กัน ไม่ได้เกี่ยวกับธุรกิจอะไร ตามที่เป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ และคงต้องปล่อยให้ส่งตัวเข้าเรือนจำ เพราะไม่มีเงินมาประกันตัว ยอมรับว่าอดีตเคยประกอบธุรกิจหล่อเสาปูน และอิฐบล็อก ภายหลังไม่ประสบความสำเร็จจึงปิดตัวลงไป ส่วนศพลุงแดงก็จะฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ (27 ธค.) สาเหตุเกิดจากอารมณ์ชั่ววูบของคนทั้งคู่จริงๆ

ขณะเดียวกัน นางอรุณี เพ็งศิลป์ อายุ 60 ปี และ นางชลธิชา กรรลา อายุ 48 ปี ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับบ้านหลังที่เกิดเหตุ ให้ข้อมูลตรงกันว่าทั้งลุงแดงคนตายกับ น.ส.ส้มเช้งอดีตน้องสะใภ้ การมีปากเสียงกันถือเป็นเรื่องปกติ จะทะเลาะส่งเสียงดังประจำ แต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง อีกอย่างลุงแดงเป็นคนที่ไม่ค่อยแข็งแรง ไปไหนมาไหนลำบาก เดินหน่อยเดียวก็หอบแล้ว ส่วนนายสำเริงผู้ต้องหายอมรับว่าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เพราะบ้านนี้ไม่ค่อยสุงสิงกับคนในชุมชน

ทางด้าน นายประดิษฐ์ จูมวงศ์ อายุ 45 ปี เจ้าของร้านซ่อมไดนาโม อยู่ใกล้สะพานข้ามห้วยที่นายสำเริงไปซ่อนตัว เล่าว่าขณะนั่งกินหมูกระทะอยู่นั้น เห็นนายสำเริงเดินออกมาจากใต้สะพาน เกิดความสงสัยแล้วว่าเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ใต้สะพาน ไม่นานก็มีตำรวจเข้ามารวบตัว จึงทราบว่าเพิ่งก่อเหตุฆ่าคนตายมานี่เอง

ทโดยคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. วันที่ 25 ธันวาคม 2566 ร.ต.ท.สิทธิพล วงศ์นิโลบล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่ามีเหตุฆ่ากันตาย บริเวณใต้ถุนบ้านเลขที่ 134 หมู่ 8 บ้านเทพพนม ต.บ้านผึ้ง อ.เมืองนครพนม พบศพนายรังสรรค์ เครือวัลย์ หรือลุงแดง อายุ 68 ปี มีบาดแผลถูกฟันที่แขนซ้ายลึกถึงกระดูก และหน้าอกเลือดท่วมตัว ส่วนผู้ก่อเหตุคือนายสำเริง ปั้นนกเขียว อายุ 61 ปี ได้หลบหนีไปอยู่ใต้สะพานข้ามห้วย ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 (นิตโย) สายนครพนม-สกลนคร ก่อนจะโทรศัพท์หา น.ส.ศศิวิมล พฤกพัฒนาชัย ภรรยา เพื่อให้มารับในเวลาประมาณ 02.30 น.ของวันที่ 26 ธค. จึงร่วมกับตำรวจซ้อนแผนจับกุมดังกล่าว พร้อมตั้งข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

//ภาพ-ข่าว//พงศ์สุคนธ์ คุณธรรมมงคล//นครพนม

(061-2838566)

Related posts