หนุ่มพิการยอดนักสู้หารายได้ด้วยลำแข้งมีรา่ยได้เดือนละเกือบสามหมื่น
ช่างสิน หรือใคร ๆ เรียกจนติดปากว่า ‘ช่างเดี่ยว’ นายพูนสิน ยั่งยืน อายุ 39 ปี ชาวบ้านหมู่ที่ 3 ต.ตาวัง อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ มีร่างกายที่พิการมาแต่กำเนิด นิ้วมือผิดรูปทั้ง 2 ข้าง ขาขวาขาดใต้เข่าต้องใช้อุปกรณ์ขาเทียมช่วยเดิน
ถึงแม้ร่างกายจะไม่ครบ 32 ประการเหมือนคนอื่น แต่ช่างสินหรือช่างเดี่ยวที่คนในหมู่บ้านรู้จัก ใช้วิชาชีพที่ได้ร่ำเรียนมาเเละประสบการณ์ทำงานมาเกือบ 20 ปี จาก จ.ชลบุรี เปิดร้านเล็ก ๆ ใต้ถุนบ้าน รับซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด ประกอบสัมมาอาชีพได้เหมือนคนปกติทั่วไป จนได้รับฉายาว่า “ช่างเดี่ยว”ประจำตำบล เพราะเป็นช่างซ่อมทีวีเจ้าเดียวในเขตพื้นที่ตำบลตาวัง เเละพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งคิดค่าซ่อมไม่เเพง เเถมให้บริการรับซ่อมนอกพื้นที่อีกด้วย
โดย ช่างสิน ได้เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนเองนั้นพิการมาตั้งเเต่กำเนิด เเละเป็นลูกคนสุดท้อง ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ครอบครัวมีอาชีพเกษตรกรเป็นหลัก พ่อรับราชการครูประชาบาลตำเเหน่งครูใหญ่ ซึ่งสถานะเท่าเทียมกับชาวบ้านไม่ได้เพอเฟค หรือต่างจากชาวบ้าน ซึ่งตอนเด็กพ่อก็พาหว่านเเหตกปลาตามห้วยตามลำคลองเป็นประจำ ไม่ได้ดีกว่าคนอื่น หลังจากตนเรียนจบมัธยมปลาย สมัครเรียนอยู่หลายเเห่ง เเต่เป็นความโชคดีที่พี่สาวเเนะนำให้สอบที่ชลบุรี ซึ่งสอบชิงทุนเรียนฟรีได้ที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนฝึกวิชาชีพสำหรับคนพิการโดยตรง มีหลายสาขาให้เลือก ตนเลือกสาขาอิเลคทรอนิคส์ฮาร์ดเเวร์ ลดค่าใช้จ่ายครอบครัวได้มากเเถมไม่ต้องสง จนเรียนจบ ป.ว.ส.เเละทำงาน พร้อมเปิดร้านซ่อมอยู่พัทยามาเกือบ 20 ปี จนกระทั่งสูญเสียเเม่ซึ่งจากไปด้วยโรคประจำตัว จึงกลับมาอยู่บ้านตามคำขอของพ่อที่อยากให้กลับมาอยู่เป็นเพื่อน เเละรับซ่อมงานเเถวบ้านสร้างรายได้ จนสูญเสียคุณพ่อไปอีกคนด้วยโรคชรา
ปัจจุบัน ตนเปิดร้านเล็ก ๆ รับซ่อมที่บ้านบริเวณใต้ถุน อยู่กับพี่สาว รายได้ต่อวัน 800-900 บวกกับตัวเองมีความสนใจในการเล่นดนตรีเเละรับทำดนตรีเรียบเรียงเสียงประสาน รับตัดต่อคลิป/วีดีทัศน์ รายได้ต่อเดือนก็พออยู่ได้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายมากหนัก เพราะเป็นบ้านของตัวเอง ส่วนที่นาให้พี่ชายทำ เพราะตนร่างกายไม่เอื้ออำนวย พอเก็บเกี่ยวพี่ชายก็เเบ่งข้าวมาให้
ช่างสิน เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวอีกว่า ส่วนที่ตนสามารถเรียบเรียงดนตรีเป็นนั้น มาจากช่วงที่เรียน
วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนของคนพิการล้วน ใครถนัดหรือชอบด้านใดที่นอกจากสายสาขาการเรียนเเล้ว ทางโรงเรียนก็ช่วยส่งเสริมสนับสนุน เช่นใครชอบกีฬา ก็ให้เล่นกีฬา พร้อมผลักดันเป็นนักกีฬาคนพิการตัวเเทนของจ.ชลบุรี เพื่อไปเเข่งขันกีฬาคนพิการพาราลิมปิก เเละคัดตัวเป็นทีมชาติ ซึ่งเพื่อนผู้พิการที่เรียนด้วยกันมาก็ติดทีมชาติไปหลายคน
ส่วนตนนั้น ชอบดนตรีมาตั้งเเต่เด็ก ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากพ่อที่ดีดพิณ สีไวโอลีน เห็นน้าเขยสีซอเป่าเเคน ยามมีงานบุญภายในหมู่บ้าน น้าเขยก็จะเป็นเเห่เพื่อรับบริจาคหรือภาษาอิสานเรียกว่า”เเห่กัญหล่อน”จะเเห่รอบหมู่บ้านเเละพาไปด้วย รู้สึกสนุกดีได้ร้องรำทำเพลง
ตอนเด็กๆครอบครัวไม่ให้ออกไปเล่นไหน ส่วนใหญ่ให้เล่นกับญาติลูกพี่ลูกน้องเเละเพื่อนผู้หญิง เพราะกลัวถ้าเล่นนอกบ้านกลัวเพื่อนผู้ชายเเกล้ง เพราะโดนเเกล้งบ่อย ถ้าเหงาๆหน่อยก็เล่นพิณของพ่อ จับไปจับมาก็เล่นเป็นเพลงเองเพราะอยู่กับมันทุกวัน โดยไม่มีใครสอน พ่อก็อึ่งเเละสอนต่อ พอน้าเขยมาเห็นก็สอนการสีซอเเละสอนเป่าเเคน ส่วนการเป่าเเคนนั้น ตนเป่าได้บางเพลงเพราะนิ้วมือไม่ครบ ส่วนกีต้าร์นั้นเล่นเป็นตั้งเเต่ป.5 เพราะเห็นพี่ชายเล่นที่ยืมจากเพื่อนมาเล่นที่บ้าน เเอบอ่านหนังสือคอร์ดของพี่ชาย เเล้วมาพลิกเเผลงเล่น เเค่ให้เกิดเป็นเสียงคอร์ด ซึ่งใช้นิ้วเเค่3นิ้วเพราะเล่นได้เท่านี้เพราะจำกัดในการใช้นิ้ว เพราะนิ้วไม่ครบ เเละเริ่มหัดเเต่งเพลงเพราะได้เเรงบันดาลใจมาจากพ่อ ที่พ่อมักหยิบทำนองเพลงมาใส่เนื้อใหม่เป็นภาษากวย ภาษาลาว เพื่อสอดคล้องในการสอนเด็กๆในคาบเรียนหรือในช่วงพักเบรก พอพ่อเห็น ก็สอนให้เเต่งกลอน เเนะนำให้อ่านหนังสือเยอะๆจะได้สะสมคลังคำ เเต่งกลอนหรือเเต่งเพลงจะได้ง่าย ไม่ตันในภาษา เลยเเต่งเพลงขายได้ตั้งเเต่เรียนม.1ซึ่งเพื่อนๆจ้างให้เเต่งเพลงจีบสาวให้ ในราคา50บาท หลายคนก็สมหวังครองคู่กันมาถึงวันนี้ เพราะเราก็มีส่วนช่วยให้เขาสมหวัง
พอมาเรียน วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา ทางโรงเรียนเห็นว่าเด่นเรื่องเเต่งเพลงเล่นดนตรี ทางโรงเรียนเลยส่งเข้าประกวดเเต่งเพลง ในปี45ของเครือข่ายศิลปะดนตรีผู้พิการ เพื่อคัดเลือกเป็นตัวเเทนคนพิการประเทศไทยร่วมกิจกรรมทางดนตรีคนพิการที่ต่างประเทศ ซึ่งได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ1ในปีนั้นประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ในชื่องาน”มหกรรมดนตรีคนพิการเเห่งเอเชียร์เเละเเปซิกฟิก”มีผู้พิการเข้าร่วมเกือบ20ประเทศ
ต่อมาก็ได้รู้จักคนในเเวดวงทางดนตรีเเละคนเเต่งเพลงมากขึ้น ได้ไปร่วมงาน ได้ไปร่วมกิจกรรมบ่อยๆ ได้อยู่ได้เล่นดนตรีด้วยกัน ได้เรียนการเรียบเรียงการทำดนตรีจากการครูพักลักจำที่เขาสอน ถ้าเรียนเข้าคอร์ดทำดนตรีตกอยู่30,000-40,000บาทต่อคอร์ด ซึ่งไม่มีทุนเลยที่เรียนได้ ถือว่าโชคดีมากๆที่เขาสอน ส่วนรับเเต่งเพลงนั้น อาศัยบอกต่อๆกันมาตั้งเเต่ได้รับรางวัล ในมหกรรมดนตรีคนพิการเเห่งเอเซียร์เเละเเปซิกฟิก จนถึงปัจจุปัน ใช้ชือในการเเต่งเพลงว่า ศิลป์ กลิ่นอักษร
ถ้าถามถึงความลำบาก ก็คงไม่ต่างจากคนพิการคนอื่นๆ ที่มีวันท้อ วันเหนื่อย วันสิ้นหวัง หมดหวัง อ่อนเเอหมดกำลังใจ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป อีกอย่างถ้ารู้สึกเเย่ๆก็ย้อนคิดถึงภาพสมัยเรียนกับเพื่อนคนพิการด้วยกัน
เพื่อนบางคนพิการกว่าเราอีก บางสถานะภาพเเย่กว่าเราอีก เจออุปสรรคเความกดดันยอะกว่าเราอีก เขายังสู้ได้ พอคิดได้เเบบนี้ ทำให้สมองปลอดโปร่ง
ซึ่งตอนอยู่ชลบุรีต้องใช้คำว่าปากกัดตีนถีบ พอกลับมาอยู่บ้าน ก็ต้องผลักตัวเองไม่อยากเป็นภาระของครอบครัวเเละคนรอบข้าง เเละอยู่ร่วมกับคนอื่นอย่างปกติสุข ก็รู้สึกดีใจเเละภูมิใจเเล้ว ขอขอบคุณครอบครัวที่ให้การศึกษา ให้มีวิชาชีพติดตัว แม้พ่อเเม่ไม่อยู่ยังหาเลียงชีพได้เเละขอขอบคุณลูกค้าทุกๆท่านที่มาใช้บริการ ครับ หากพื้นที่ใกล้เคียงสนใจนำเครื่องใช้ไฟฟ้ามาซ่อม ติดต่อได้ที่ 094-1635163.
///
คำกอง กันนุฬา/รายงาน สุรินทร์