เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม นำนักศึกษามหาวิทยาลัย ชื่อดัง ถูกดารา ให้ลงสมัครเป็นนักกีฬาโป็กเกอร์ ไปแข่งขันต่างประเทศ สุดท้ายต้องเสียเงินไปหลาย 10 ล้าน

ตามที่ นักศึกษาปี 2 อายุ 21 ปี มหาวิทยาลัยบูรพา ได้มีการเล่นเกมส์ออนไลน์ และล็อกอินผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว จู่ๆ ดารา อักษร ย่อ ค.ส่งข้อความทางเฟสมาว่า “ช่วงนี้หลายๆหน่วยงานกำลังหาเด็กส่งทีมแข่ง Tournament poker youth การแข่งขันโป๊กเกอร์เยาวชน” และดารา ค.ก็ได้ชักชวนให้ลงสมัครเป็นนักกีฬาโป็กเกอร์ ไปแข่งขันต่างประเทศ  โดยจะมีค่าสมัคร 2,000 บาท และมีค่าเดินบัญชี เพิ่มเติมอีก 8,000 บาท เพื่อเป็นพนักงานของบริษัทของดารา สร้างความน่าเชื่อถือในการไปลงแข่งในต่างประเทศ เห็นว่าตัวเองก็เล่นอยู่แล้ว ก็เลยสนใจและสมัครไปและโอนเงิน โดยบางช่วงมีการวีดีโอคอลแบบเปิดหน้าตน จึงจำได้ชัดว่าเขาคือดาราที่เคยออกข่าว

ต่อมา แจ้งว่าเงินยังไม่เข้ามาในบัญชีให้โอนเงินมาเพิ่มอีก โดยบอกว่าการโอนเงินครั้งแรกไม่สมบูรณ์ ต้องโอนเงินมาซ้ำ เพื่อให้บัญชีมันสมบูรณ์และถอนเงินได้  ด้วยความที่อยากเป็นนักกีฬาโป็กเกอร์ ก็เชื่อและโอนเงินไปซ้ำแล้วซ้ำอีกเรื่อยๆ หลายครั้ง ซึ่ง นายค.ก็บอกว่าจะได้เงินส่วนนี้คืนเมื่อเดินสเตทเม้นเสร็จสมบูรณ์ พอเริ่มโอนเงินไปเพิ่มขึ้นมากเรื่อย ๆ ตนไม่มีแล้ว หลังจากโอนไป 1.5 ล้านบาท โดยประมานณ  จึงได้ไปยืมเงินกับเพื่อนผู้หญิงเพื่อนำมาจ่ายให้กับ นายค.รวมทั้งไปยืมเงินจากแม่และป้า มาเพื่อโอนให้นาย ค.เดินสเตทเม้นท์ให้สมบูรณ์ และต่อมานาย ค.แจ้งว่าให้เพื่อนของตน ไปเปิดบัญชีเองเพื่อที่นาย ค.จะได้โอนเงินคืนได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านหลายคน หนึ่งในนั้นคือเพื่อนเด็กนักศึกษาปี 1 ทำให้สูญเงินไปอีก 15 ล้านบาท

ตนและเพื่อนโดนนายค.ขู่อย่างหนัก ว่าเราได้เข้าไปพัวพันกับเว็บการพนันแล้ว เพราะเรามีชื่อในการโอนเงินเข้าบัญชีการพนัน ถ้าไม่โอนเงินมาเพิ่มจะโดนดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาปลอมเอกสาร ฟอกเงิน แม่ของตนรู้เรื่อง แม่ได้เอาโทรศัพท์ของตนไปกู้ข้อมูลจนรู้เรื่องราวทั้งหมด แม่จึงได้โทรไปคุยกับนายค.แต่กลับโดนนายค.ขู่จะส่งคนมาดักทำร้าย นายค.บอกว่ามีแบล็กใหญ่ ใครก็ทำอะไรนายค.ไม่ได้ แม่เกิดความกลัวและวิตกกังวลจึงต้องหนีไปอยู่ที่อื่นความคืบหน้า วันนี้ 7 ตุลาคม 2565 ทนายปิยณัฐ สุกยัง เลขาธิการเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ได้เปิดเผยว่า วันนี้ได้รับมอบหมายจากทางทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ให้พาน้องนักศึกษา ปี 2 ที่ถูกผู้ต้องหาฉ้อโกงไป เเต่ในวันนี้ น้องนักศึกษา กลับตก เป็นผู้ต้องหาเอง มาพบกับทางพนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข ที่มีการแจ้งความไว้ก่อนหน้านี้โดยที่ทางแม่ของนักศึกษา ได้เปิดเผยว่า ด้วยความรักลูก หลังจากทราบว่าถูกโทรศัพท์มาทวงเงิน ในช่วงกลางคืน ก็รู้สึกเป็นกังวล จึงได้พยายามหาเงินให้ลูก เพราะกลัวว่าลูกจะเป็นโรคซึมเศร้า แล้วกลัวว่าลูกจะฆ่าตัวตาย

ด้านทนายปิยณัฐ เล่าว่า  จุดเริ่มต้นเกิดมาจาก น้องนักศึกษาถูก เน็ตไอดอลคนหนึ่ง (นายเคลลี) ชักชวนให้เล่นโบรกเกอร์ออนไลน์ โดยบอกว่าจะส่งไปเป็นตัวเเทนของค่ายๆ หนึ่งให้ไปเเข่งที่ต่างประเทศ ก่อนน้องนักศึกษาจะหลงเชื่อเเละมีการโอนเงินไปเป็นค่าสมัคร หลังจากนั้น ผู้ต้องหา ได้บอกว่าน้องนักศึกษา ได้มีรายชื่ออยู่ในเว็บเล่นการพนัน มีการฟอกเงิน ปลอมเเปลงเอกสาร เเละมีการข่มขู่ให้ผู้เสียหายไปหาเงินมาเพื่อปิดคดี  ต่อมาน้องผู้เสียหายได้มีการไปขอยืมเงินจากเพื่อนรุ่นน้องที่เป็นผู้หญิง (ผู้กล่าวหาในคดีนี้) ซึ่งตัวของน้องนักศึกษาผู้ชายซึ่งเป็นผู้เสียหายเช่นกันได้รับความเสียหายเป็นจำนวนเงินประมาณ 1.5 -1.6 ล้านบาท ซึ่งในเงินจำนวนนี้มีทั้งเงินของน้อง ของญาติเเละของเเม่  ส่วนเงินของน้องผู้หญิงรุ่นน้องนั้น ทราบมาว่าเสียหายไปประมาณ 15 ล้านบาท และได้มีการมาแจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจภูธรแสนสุข โดยเเจ้งความน้องนักศึกษาชาย เนื่องจากเข้าใจว่า เป็นผู้ร่วมขบวนในการฉ้อโกง โดยในวันนี้ที่ตนได้พาผู้เสียหาย (นักศึกษาชาย) มาที่โรงพักก็เพื่อมาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน หลังจากที่มีหมายเรียกไปถึงบ้านของผู้เสียหาย  ซึ่งหลังจากมีการให้ปากคำเสร็จสิ้น ก็จะได้มีการแจ้งความกับเน็ตไอดอลคนดังกล่าว (นายเคลลี) ในข้อหากรรโชกทรัพย์ ข้อหาฉ้อโกง เเละข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องต่อไป ซึ่งเน็ตไอดอลคนดังกล่าว คือ คนที่เคยไปออกรายการเทคมีเอ้าท์ไทยเเลนด์ และเป็นคนเดียวกับที่เพิ่งจะมีข่าวฉาวเกี่ยวกับกรณีการทำร้ายร่างกายแฟนสาวบริเวณด้านหน้าคอนโดไปเมื่อไม่นานนี้

Related posts